“ถั่งเช่า” (chong cao)หรือที่รู้จักกันว่า “ไวอากร้าแห่งเทือกเขาหิมาลัย” หรือ ตังถั่งเช่า (dong chong cao) หรือ ตังถั่งแห่เช่า (dong chong xia cao)แปลเป็นไทยว่า “ฤดูหนาวเป็นหนอน ฤดูร้อนเป็นหญ้า” หรือที่เรียกกันว่า “หญ้าหนอน” ทั้งนี้เพราะว่า ยาสมุนไพรชนิดนี้ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นตัวหนอน คือ ตัวหนอนของผีเสื้อ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hepialus armoricanus Oberthiir และบนตัวหนอนมีเห็ดชนิดหนึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cordyceps sinensis (Berk.) Saec. หนอนชนิดนี้ในฤดูหนาวจะฝังตัวจำศีลอยู่ใต้ดินภูเขาหิมะ เมื่อน้ำแข็งเริ่มละลาย สปอร์เห็ดจะพัดไปกับน้ำแข็งที่ละลาย แล้วไปตกที่พื้นดิน จากนั้นตัวหนอนเหล่านี้ก็จะกินสปอร์ และเมื่อฤดูร้อนสปอร์ก็เริ่มเจริญเติบโตเป็นเส้นใยโดยอาศัยการดูดสารอาหารและแร่ธาตุจากตัวหนอนนั้น เส้นใยงอกออกจากท้องของตัวหนอน และงอกออกจากปากของมัน เห็ดเหล่านี้ต้องการแสงอาทิตย์มันจึงงอกขึ้นสู่พื้นดิน รูปลักษณะภายนอกคล้ายไม้กระบอก ส่วนตัวหนอนเองก็จะค่อย ๆ ตายไป อยู่ในลักษณะของหนอนตายซาก ฉะนั้น “ถั่งเช่า” ที่ใช้ทำเป็นยาก็คือ ตัวหนอนและเห็ดที่แห้งแล้ว
ถั่งเช่าพบได้ในแถบทุ่งหญ้าบนภูเขาประเทศจีน (ธิเบต) เนปาล และภูฏาน ระดับความสูง 10,000-12,000 ฟุต จากระดับน้ำทะเล ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยง ซึ่งส่วนใหญ่เพาะในบริเวณภาคใต้ในมณฑลชิงไห่ เขตซางโตวในธิเบต มณฑลเสฉวน ยูนนาน และกุ้ยโจว การเก็บถั่งเช่าจะเก็บในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ เมื่อขุดตัวหนอนขึ้นจากดินแล้ว ล้างน้ำให้สะอาด แล้วตากแห้ง การเก็บรักษา ควรเก็บไว้ในที่แห้ง “ถั่งเช่า” ถือได้ว่าเป็นยาสมุนไพรที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในประเทศจีนนานนับศตวรรษ มีสรรพคุณทางยาแผนโบราณที่ใช้กันแพร่หลายในประเทศจีนในเรื่องของกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ และใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงอวัยวะภายใน เช่น ปอด ตับ และไต เป็นต้น
องค์ประกอบทางเคมีของถั่งเช่า
- โพลีแซคคาไรด์ (Galactomannan)
- นิวคลีโอไทด์ (Adenosine, Cordycepin)
- Cordycepic acid
- กรดอะมิโน และสเตอรอล (Ergosterol, Beta-sitosterol)
- โปรตีน วิตามินต่างๆ ( Vit E, K, B1, B2 และ B12)
- แร่ธาตุต่าง ๆ (โพแทสเซียม โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี และซิลิเนียม)
รายงานการวิจัยในคน
- กรณีศึกษาฤทธิ์ต่อการกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ
พบว่าการวิจัยในผู้ชาย 22 คน ใช้ถั่งเช่าเป็นอาหารเสริม พบว่าช่วยเพิ่มจำนวนของสเปิร์มในอสุจิได้ 33% และมีผลลดปริมาณของสเปิร์มที่ผิดปกติลง 29% และมีอีกกรณีศึกษาในผู้ป่วยทั้งชายและหญิง 189 คน ที่มีความต้องการทางเพศลดลง พบว่าถั่งเช่าสามารถช่วยทำให้อาการและความต้องการทางเพศสูงขึ้น 66% นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยสนับสนุนว่าการรับประทานถั่งเช่าจะช่วยปกป้องและช่วยให้การทำงานของต่อมหมวกไต ฮอร์โมนจากต่อมไทมัส และจำนวนของสเปิร์มที่สามารถปฏิสนธิได้เพิ่มขึ้น 300 % และช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศของผู้หญิงได้ 86% - กรณีศึกษาฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
โดยทำการศึกษาในผู้ชาย 5 คน (อายุเฉลี่ย 35 ปี) ที่ถุงลมถูกกระตุ้นให้อักเสบด้วย lipopolysaccharide (LPS) พบว่าถั่งเช่ามีฤทธิ์ลดการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ เช่น interlukin-1beta (IL-1beta), interlukin-6 (IL-6), interleukin-8 (IL-8), interleukin-10 (IL-10) และ tumor necrosis factor-alpha (TNF-alpha) ได้ จึงส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานดีขึ้น - กรณีศึกษาฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด
โดยการให้ผู้ป่วยเบาหวานรับประทานถั่งเช่าปริมาณ 3 กรัม/วัน พบว่าสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ถึง 95% ในขณะที่กลุ่มที่รักษาด้วยยาแผนปัจจุบันสามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้เพียง 54% - กรณีศึกษาฤทธิ์ต่อการฟื้นฟูระบบการทำงานของไต
โดยให้ผู้ป่วยภาวะไตวายเรื้อรังรับประทานถั่งเช่าปริมาณ 3-5 กรัม/วัน พบว่าถั่งเช่าทำให้การทำงานของไตมีประสิทธิภาพดีขึ้น และพบว่าหลังจากให้ผู้ป่วยรับประทานถั่งเช่าต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน 1 เดือน สามารถช่วยลดอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่เกิดจากภาวะไตวาย ได้แก่ ลดความดันโลหิต ลดระดับโปรตีนในปัสสาวะ ลดการเกิดภาวะโลหิตจาง และช่วยเพิ่มเอนไซม์ superoxide dismutase (SOD) ซึ่งป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีรายงานว่าการให้ผู้ป่วยที่การทำงานของไตบกพร่องจากการใช้ยา gentamicin รับประทานถั่งเช่า 4.5 กรัม/วัน มีผลทำให้ระบบการทำงานของไตดีขึ้นเป็นปกติ 89 % เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมหลังจากรับประทานถั่งเช่าภายใน 6 วัน
สรรพคุณของถั่งเช่า
- ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ มีฤทธิ์บำรุงกำลังทางเพศ ช่วยให้อสุจิแข็งแรง เนื่องจากการกินถั่งเช่าจะส่งผลให้มีเลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศมากขึ้น ซึ่งจากงานวิจัยในต่างประเทศพบว่าการกินถั่งเช่าวันละ 1 กรัม เป็นเวลา 46 วันจะช่วยให้สมรรถภาพทางเพศเพิ่มมากขึ้นถึง 64% เลยทีเดียว
- ช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง เพิ่มภูมิต้านทานโรค ทำให้ร่างกายสดชื่น ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย
- ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยชะลอความแก่ชราและความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
- ช่วยในด้านอารมณ์ ช่วยระงับประสาท ทำให้จิตใจสงบ ลดอาการหงุดหงิดง่าย
- ช่วยเพิ่มความจำ ป้องกันโรคความจำเสื่อม ช่วยลดการตายของเซลล์ในสมอง
- ช่วยบำรุงหลอดเลือด
- ช่วยบำรุงปอด ช่วยบรรเทาอาการเจ็บหน้าอก
- ช่วยในเรื่องระบบทางเดินหายใจ แก้อาการไอเรื้อรัง รักษาถุงลมโป่งพอง ช่วยบำบัดโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
- ช่วยบรรเทาและรักษาอาการของโรคหอบหืด
- ช่วยแก้วัณโรค ถุงลมโป่งพองหรืออาการผิดปกติในระบบปอดและหัวใจ
- ช่วยละลายเสมหะ หยุดอาการเลือดออกทางเสมหะ
- เชื่อว่ามันช่วยรักษามะเร็ง ช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็งและลดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้
- ช่วยลดความดันโลหิต อาการใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยให้ร่างกายของผู้ป่วยเบาหวานไวต่ออินซูลินมากขึ้น ช่วยจัดการน้ำตาลในร่างกายได้ดีขึ้น
- ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และรักษาสมดุลของคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด
- ช่วยต่อต้านไม่ให้เกิดไขมันแข็งตัวจากการถูกออกซิไดซ์โดยอนุมูลอิสระ
- ช่วยป้องกันไขมันเลว (LDL) ไม่ให้เกาะในหลอดเลือด
- ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือดให้คล่องตัว ช่วยขยายหลอดเลือด และเพิ่มปริมาณของเลือดที่เข้าไปหล่อเลี้ยงปอดและหัวใจ เพิ่มระดับออกซิเจนและช่วยในเรื่องระบบไหลเวียนโลหิต บรรเทาอาการขาดออกซิเจน
- ช่วยบำรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของตับและไตให้ดีขึ้น
- จากงานวิจัยพบว่าถั่งเช่าช่วยให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังมีอาการดีขึ้นมากถึง 51% หลังจากรักษาด้วยถั่งเช่าเพียง 1 เดือน
- ช่วยรักษาคนไข้ที่ธาตุหยางพร่องในไต (หรืออาการปวดหลัง กลัวหนาว หัวเข่าเย็น หรือปัสสาวะบ่อย)
- มีฤทธิ์ในการช่วยยับยั้งพิษจากแบคทีเรีย รวมไปถึงแบคทีเรียวัณโรคด้วย
- ถั่งเช่ามีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ
- ช่วยห้ามเลือด
- สำหรับนักกีฬาสมุนไพรชนิดนี้จะช่วยเพิ่มสมรรถนะของนักวิ่งให้ดียิ่งขึ้น
- ประโยชน์ถั่งเช่าสำหรับสตรี ใช้เป็นยาบำรุงช่วยทำให้มีบุตรง่ายขึ้น ช่วยปรับประจำเดือน ทำให้เลือดลมเดินดีขึ้น
-
ข้อควรระวัง
- ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากถั่งเช่ามีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้ จะไปเสริมฤทธิ์กับยาลดน้ำตาลในเลือด
- ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับยากลุ่มป้องกันการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด เนื่องจากถั่งเช่ามีฤทธิ์ต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด
- ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน (immunosuppressive) ทั้งนี้เพราะว่าถั่งเช่ามีฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: | wikipedia.org |
medthai.com | |
www.pharmacy.mahidol.ac.th |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น